วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ณ มุมหนึ่ง กับ แนวคิดขงจื้อ

ณ มุมหนึ่ง คืออะไร?? ขงจื้อคืออะไร?? ลองอ่านดูนะคะ

ขงจื้อ เป็นครูที่ยึดมั่นในสาระสำคัญของคำว่า “ศีลธรรมอันดี” อย่างจริงจัง
เขาเป็นผู้ที่ยึดมั่นอยู่กับคำว่าคำว่า “ความซื่อสัตย์” และไม่เคยไว้ใจผู้ที่มีถ้อยวาจาไพเราะ เขามีวัตถุประสงค์หลักอยู่ที่การสอนให้นักเรียนประพฤติปฏิบัติอย่างถูกทำนองคลองธรรม
อย่างเช่น “หากเจ้าคิดจะเป็นผู้ปกครองคน เจ้าต้องรู้จักปกครองตนเองก่อน” แต่ที่เป็นสาระสำคัญหรือหัวใจในคำสอนของเขาจริงๆ ก็คือ คุณธรรมในด้าน “รู้จักมอบความรักให้แก่ผู้อื่น”
ลองมาดูแนวคิดขงจื้อกันนะคะ^^=
หลักธรรมคำสอนของขงจื้อ ถ้าจะกล่าวโดยรวบยอด ก็ได้แก่หลักการ “ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน” หรือ “การเอาใจเขามาใส่ใจเรา” โดยขงจื้อได้แบ่งกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่สัมพันธ์กันและเกี่ยวข้องกันไว้ 5 คู่ด้วยกัน ดังนี้
1. ผู้ปกครอง กับ ผู้อยู่ใต้ปกครอง คือ ผู้ปกครองต้องแสดงความนับถือ(ให้เกียรติ)แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้อยู่ใต้ปกครอง ก็ต้องมีความจงรักภักดี
2. บิดามารดา กับ บุตรธิดา คือ บิดามารดา ก็ต้องมีความเมตตา กรุณาต่อบุตรธิดา และบุตรธิกาก็ต้องมีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา
3. สามี กับ ภรรยา คือ สามีต้องประกอบด้วยคุณธรรมสงเคราะห์ภรรยาตามควรและภรรยาก็ต้องเคารพ เชื่อฟังและปรนนิบัติ
4. พี่ กับ น้อง คือ พี่วางตัวให้สมกับเป็นพี่ และน้องก็ต้องเคารพและให้เกียรติพี่
5. เพื่อน กับ เพื่อน คือ เพื่อนก็วางตัวให้เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจกันและกัน
เห็นได้ว่า หลักธรรมของขงจื้อให้ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เปรียบกับการเมืองไทยที่ปกครองแบบประชาธิปไตย คนที่เป็นนักการเมืองในระบบประชาธิปไตยจะต้องมีศรัทธาต่อระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ต้องเคารพต่อสิทธิเสรีภาพ มีคุณธรรม เคารพต่อหลักนิติธรรมไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น การเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ฯลฯ
ดังความที่ขงจื้อกล่าวไว้ว่า “อำนาจควรจะควบคู่ด้วยคุณธรรม ผู้ซึ่งขาดคุณธรรมอาจนำไปสู่การใช้อำนาจที่ผิดๆ” ซึ่งถ้านักการเมืองขาดคุณธรรมก็จะใช้อำนาจทางการเมืองไปในทางที่ผิด ก่อให้เกิดความเสียหายต่างๆ ขึ้น ส่งผลกระทบต่อทั้งระบบการเมืองการปกครองเอง ระบบเศรษฐกิจ ฯลฯ
ฉะนั้นนักการเมืองผู้ปกครองต้องควบคู่ด้วยคุณธรรม จริยธรรม มองในมุมมองแบบปรัชญาขงจื้อ คือ ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น ล้วนมีสาเหตุมาจากการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของบุคคลในสังคม นับตั้งแต่ตัวผู้ปกครอง(นักการเมือง) กระทั่งถึงประชาชนผู้ถูกปกครอง
“การปกครองคือการซื่อตรง หากท่านซื่อตรง แล้วใครจะกล้าไม่ซื่อ” คำที่ท่านขงจื้อตอกหน้าชนชั้นปกครอง
แนวคิดขงจื้อเป็นเรื่องระดับจริยธรรม ที่จะจรรโลงความสงบร่มเย็น ความเจริญรุ่งเรืองของสังคม บ้านเมือง “ท่านขงจื้อว่า ปกครองโดยระบบการเมืองระบบกฎหมายรักษากฎเกณฑ์ด้วยอาญา ราษฎรย่อมหลีกเลี่ยงการกระทำผิด แต่มิได้มีหิริโอตัปปะ และภักดีด้วยความเต็มใจ”
หิริโอตัปปะ เป็นหลักธรรมของศาสนาพุทธ ซึ่งบ่งถึงการกลัวต่อบาปและละอายต่อบาป บุคคลซึ่งเป็นนักการเมืองและบุคคลสาธารณะต้องเป็นบุคคลที่มีหิริโอตัปปะ เพราะบุคลที่ขาดหิริโอตัปปะคือบุคคลที่ไว้ใจไม่ได้และพร้อมที่จะทำความผิด ทำความชั่ว ละเมิดกฎหมาย ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองและแผ่นดิน บุคคลเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะหลงอำนาจ ลุแก่อำนาจ ละเมิดอำนาจละเมิดกฎหมาย หาผลประโยชน์ใส่ตัวโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชาติและสังคม พฤติกรรมทางการเมืองที่เห็นเด่นชัดของนักการเมืองไทย คือ การเปลี่ยนตัวผู้อุปถัมภ์ และการเปลี่ยนพรรคในลักษณะจิ้งจกเปลี่ยนสี เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปก็จะปรับตัวเข้ากับสภาพการณ์ใหม่ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชาติและสังคม
กล่าวโดยสรุป ปรัชญาขงจื้อจึงเป็นแนวคิดที่มีความเห็นชัดเจนว่า สาเหตุและปัจจัยทั้งหลายที่ทำให้สังคม บ้านเมืองเกิดความปั่นปวนวุ่นวายไร้ระเบียบล้วนเกิดจากน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น และเงื่อนปมของปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องระบบความสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วยกันเอง การที่มนุษย์ขาดศีลธรรม จริยธรรมในตนเอง การที่มนุษย์ไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ความขัดแย้งนานาที่เกิดจากฐานะที่แตกต่างกัน ทั้งหมดนี้จำเป็นจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานการมอบความรักให้แก่ผู้อื่น เมื่อรักผู้อื่น เราก็ย่อมมีความจริงใจ ซื่อตรงต่อผู้อื่น การไร้สัจจะ ไร้ความสัตย์ซื่อต่อผู้อื่นก็คือไม่มีความรักให้คนอื่นเลย
ด้วยความรู้สึกชอบแนวคิดขงจื้อตั้งแต่ตอนเรียนปรัชญาจีน-ญี่ปุ่น หลักคำสอนของขงจื้อให้ความสำคัญกับพฤติกรรมและจริยธรรมของมนุษย์ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา การมอบความรักให้แก่ผู้อื่น ความซื่อสัตย์ และจากการที่ได้ศึกษาปรัชญาขงจื้อเพิ่มเติมยิ่งทำให้รู้สึกชอบมากขึ้น หากผู้คนปฏิบัติตามหลัก 5 ประการของขงจื้อ ก็จะมีชีวิตที่สงบเจริญรุ่งเรืองในการทำงานและการดำเนินชีวิต เพราะทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเอง ก็คงเหมือนกับหากผู้คนปฏิบัติตนรักษาศีลห้า สังคมจะสงบร่มเย็น ^^=
งานนี้ถือเป็นบทความชิ้นที่สอง ที่ได้เขียน แต่เป็นบทความชิ้นแรกที่นำมาเขียนใน blog ซึ่งนับเป็นความแปลกใหม่ที่รู้สึกต่อความเจริญของโลกเทคโนโลยี เรื่องราว ณ มุมหนึ่ง กับ แนวคิดขงจื้อ เป็นอย่างไร ก็ขอให้เพื่อนๆ ผู้ที่เข้ามาอ่านทุกท่าน ช่วยคอมเม้นด้วนนะคะ ขอบคุณคะ ^^=

16 ความคิดเห็น:

YoYo กล่าวว่า...

ในสังคมสมัยนี้ หลักการ อุดมการณ์ ความน่าเชืท่อถื เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ

เหลือแต่เพียง การคงไว้ซึ่งอำนาจ

การแบ่ง โควต้า ตำแหน่งทางการเมือง

ทั้งๆที่ เจ้ากระทรวงนั้นๆไม่ได้ มีความรู้โดยตรงกับกระทรวงที่ทำเลย

Kanyarat กล่าวว่า...

ถ้านักการเมืองหรือคนในประเทศ

ึคิดและกระทำตามแนวคิดบ้างประการของขงจื้อได้..คงดี

โลกและประเทศ..คงน่าอยู่กว่านี้

เ้หอะเหอะ

BABARA ,, กล่าวว่า...

http://aunzz-2531.blogspot.com/


[บล็อกของอัญนะ]


เข้าไปอ่านดูนะ แล้วเม้น ติ ชม ด้วยนะ


ขอบคุณมากๆค่ะ

ธนะพัฒน์ รัตนเสนา กล่าวว่า...

แนวคิดแบบขงจื้อนั้นสุดยอด และถ้าหาดนำมาปฏิบัติจริงก็ยอดมาก
แต่ปัญหาโลกแตกก็คือตัวมนุษย์นั้นแล
มนุษย์หรือคนในสมัยโบราณนั้นไม่เหมือนคนในปัจจุบัน
ปัญหาที่สำคัญก็คือเราจะทำเช่นไรถึงจะนำปรัชญาที่เก่าแก่เหล่านี้มาใช้ในยุคนี้ได้บ้าง...นี่เป็นปัญหาโลกแตกครับ โลกแตกจริงๆ
แต่ขอเสนอแนวคิดของฮั่นเฟยจื้อนะครับ ท่านว่า กฎหสายและการปกครองนั้นต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคและการเวลา นี่ก็คงจะเป็นทางออกหนึ่งเช่นกัน
แล้วจะมาติดตามเรื่อยๆนะครับ
ป.ล. เข้ามาเมนต์ของเราด้วยละที่
http://thanaphat00.blogspot.com/

ปลาวาฬสีรุ้ง กล่าวว่า...

เมื่อไหร่บ้านเมืองเราเห็นความสำคัญ ของปรัชญาที่สำคัญๆ


เหล่านี้ เมื่อไหร่ เมื่อนั้นบ้านเมืองเราจะดีขึ้น


แนวคิดของขงจื้อทำให้การปกครองพัฒนายิ่งๆขึ้นไป

เปาเปา กล่าวว่า...

เนอะ

บางที เราก็น่าจะกลับมา มองย้อน เอาหลักปรัชญาพวกนี้ไปปรับใช้ ดูบ้าง

มีตั้งหลากหลาย แนวคิด ที่มีมุมมองดีดี

แต่การเมืองไทย
ไม่รู้ไปเอาแนวคิดไหนมา
กูโกย ไว้ก่อน

เฮ้อออออ..ออ

ถึงไม่ชอบเรื่องการเมือง

Dr.Rak กล่าวว่า...

กิ๊ฟท์...
เนื้อหาที่กิ๊ฟท์นำเสนอ วิธีการนำเสนอ ลีลาการเล่าเรื่อง...กิ๊ฟท์เป็นเด็กเก่งนะ
แต่...มันออกจะไม่ตรงกับกรอบที่ให้ไปนะ ก็..เอาเหอะยังดีที่มีมาให้อ่าน
เอาเป็นว่าคราวหน้าก็ให้มันใกล้เคียงกับกรอบที่ให้ก็แล้วกันนะ...พยายามต่อไป คิดไว้เสมอว่า เราเป็นคนเก่ง...แล้ววันหนึ่งความคิดของกิ๊ฟท์จะสามารถ "นำสังคม" ได้.
...บุญรักษา..
อาจารย์แรก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การปกครองคือการซื่อตรง หากท่านซื่อตรง แล้วใครจะกล้าไม่ซื่อ



ขอบอกว่าประโยคนี้เป้นประโยคที่ชอบมาก

เค้าเชื่อว่าถ้าสังคม ซื่อตรง เกินครึ่งประเทศ หรือรัฐบาลซื่อตรงได้กึ่งหนึ่ง

เชื่อว่าสังคมของเรา คงไม่ได้เป็นอย่างปัจจุบันนี้แน่

Unknown กล่าวว่า...

ไม่มีอะไรที่ตายตัว

Unknown กล่าวว่า...

ชอบประโยคน้จังอ่ะ
“การปกครองคือการซื่อตรง หากท่านซื่อตรง แล้วใครจะกล้าไม่ซื่อ”

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ปรัชญาการเมืองของท่านขงจื๊อมีกลิ่นอายของความเป็นจริยศาสตร์อยู่มากเหมือนกัน

m กล่าวว่า...

โอ้วววววววววววววววววว

พระเจ้าจอร์จ มันยอดเจงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เป็นบทความที่ให้ความรู้

และเข้าใจง่ายดีค่ะ

55ตรงดีนะค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อ่านแล้ว งง ๆ ดี 55 แต่มันก็จริงอย่างที่กิ๊บเขียนแระ

พงษ์เพชร กล่าวว่า...

อ่านแล้ว เห็นด้วยเกือบทุกๆประเด็นเลยนะครับ

แล้วก็ชอบมาเป็นพิเศษในเรื่องการศึกษา อย่าที่กิฟเขียนว่า"การศึกษา ควรมุ่งเน้นให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็น เป็นตัวของตัวเอง กล้าถาม กล้าอภิปรายพัฒนาความฉลาดทั้งทางปัญญา อารมณ์ จิตสำนึกที่ดีมีคุณธรรม และสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวันได้"

ผมเคยลองนึกดูว่าตอน ม.ปลายเรียนไรกันมามั่ง ม.ต้นละ เคยได้ใช้ในชีวิตตอนนี้บ้างหรือไม่


ป.ล.แล้วที่เรียนตอนนี้ละมันจะได้เอาไปใช้บ้างหรือไม่

Sheva_07 กล่าวว่า...

ทำมัยขงจื้อถึงไม่ไว้ใจคนพูดจาไพเราะ..

สงสัยต้องพูดคำด่าคำล่ะ..

ขงจื้อเปนนักเขียน นักพูด และนักการเมือง..

และประโยคสุดท้ายของขงจื้อก้อคือ..

" สวรรค์ก็ไม่พูดอะไรเลย แต่ละปีก็ยังคงมี 4 ฤดู ไม่ใช่หรือ "

จากนั้นก้อไม่พูดอารายเจ็ดวันเจ็ดคืนก้อตาย..

แสดงว่าติสเกิน ตายแบบปรัญญา..

สุดยอดดดด..

(",)++