ณ มุมหนึ่ง คืออะไร?? ขงจื้อคืออะไร?? ลองอ่านดูนะคะ
ขงจื้อ เป็นครูที่ยึดมั่นในสาระสำคัญของคำว่า “ศีลธรรมอันดี” อย่างจริงจัง
เขาเป็นผู้ที่ยึดมั่นอยู่กับคำว่าคำว่า “ความซื่อสัตย์” และไม่เคยไว้ใจผู้ที่มีถ้อยวาจาไพเราะ เขามีวัตถุประสงค์หลักอยู่ที่การสอนให้นักเรียนประพฤติปฏิบัติอย่างถูกทำนองคลองธรรม
อย่างเช่น “หากเจ้าคิดจะเป็นผู้ปกครองคน เจ้าต้องรู้จักปกครองตนเองก่อน” แต่ที่เป็นสาระสำคัญหรือหัวใจในคำสอนของเขาจริงๆ ก็คือ คุณธรรมในด้าน “รู้จักมอบความรักให้แก่ผู้อื่น”
ลองมาดูแนวคิดขงจื้อกันนะคะ^^=
หลักธรรมคำสอนของขงจื้อ ถ้าจะกล่าวโดยรวบยอด ก็ได้แก่หลักการ “ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน” หรือ “การเอาใจเขามาใส่ใจเรา” โดยขงจื้อได้แบ่งกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่สัมพันธ์กันและเกี่ยวข้องกันไว้ 5 คู่ด้วยกัน ดังนี้
1. ผู้ปกครอง กับ ผู้อยู่ใต้ปกครอง คือ ผู้ปกครองต้องแสดงความนับถือ(ให้เกียรติ)แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้อยู่ใต้ปกครอง ก็ต้องมีความจงรักภักดี
2. บิดามารดา กับ บุตรธิดา คือ บิดามารดา ก็ต้องมีความเมตตา กรุณาต่อบุตรธิดา และบุตรธิกาก็ต้องมีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา
3. สามี กับ ภรรยา คือ สามีต้องประกอบด้วยคุณธรรมสงเคราะห์ภรรยาตามควรและภรรยาก็ต้องเคารพ เชื่อฟังและปรนนิบัติ
4. พี่ กับ น้อง คือ พี่วางตัวให้สมกับเป็นพี่ และน้องก็ต้องเคารพและให้เกียรติพี่
5. เพื่อน กับ เพื่อน คือ เพื่อนก็วางตัวให้เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจกันและกัน
เห็นได้ว่า หลักธรรมของขงจื้อให้ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เปรียบกับการเมืองไทยที่ปกครองแบบประชาธิปไตย คนที่เป็นนักการเมืองในระบบประชาธิปไตยจะต้องมีศรัทธาต่อระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ต้องเคารพต่อสิทธิเสรีภาพ มีคุณธรรม เคารพต่อหลักนิติธรรมไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น การเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ฯลฯ
ดังความที่ขงจื้อกล่าวไว้ว่า “อำนาจควรจะควบคู่ด้วยคุณธรรม ผู้ซึ่งขาดคุณธรรมอาจนำไปสู่การใช้อำนาจที่ผิดๆ” ซึ่งถ้านักการเมืองขาดคุณธรรมก็จะใช้อำนาจทางการเมืองไปในทางที่ผิด ก่อให้เกิดความเสียหายต่างๆ ขึ้น ส่งผลกระทบต่อทั้งระบบการเมืองการปกครองเอง ระบบเศรษฐกิจ ฯลฯ
ฉะนั้นนักการเมืองผู้ปกครองต้องควบคู่ด้วยคุณธรรม จริยธรรม มองในมุมมองแบบปรัชญาขงจื้อ คือ ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น ล้วนมีสาเหตุมาจากการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของบุคคลในสังคม นับตั้งแต่ตัวผู้ปกครอง(นักการเมือง) กระทั่งถึงประชาชนผู้ถูกปกครอง
“การปกครองคือการซื่อตรง หากท่านซื่อตรง แล้วใครจะกล้าไม่ซื่อ” คำที่ท่านขงจื้อตอกหน้าชนชั้นปกครอง
แนวคิดขงจื้อเป็นเรื่องระดับจริยธรรม ที่จะจรรโลงความสงบร่มเย็น ความเจริญรุ่งเรืองของสังคม บ้านเมือง “ท่านขงจื้อว่า ปกครองโดยระบบการเมืองระบบกฎหมายรักษากฎเกณฑ์ด้วยอาญา ราษฎรย่อมหลีกเลี่ยงการกระทำผิด แต่มิได้มีหิริโอตัปปะ และภักดีด้วยความเต็มใจ”
หิริโอตัปปะ เป็นหลักธรรมของศาสนาพุทธ ซึ่งบ่งถึงการกลัวต่อบาปและละอายต่อบาป บุคคลซึ่งเป็นนักการเมืองและบุคคลสาธารณะต้องเป็นบุคคลที่มีหิริโอตัปปะ เพราะบุคลที่ขาดหิริโอตัปปะคือบุคคลที่ไว้ใจไม่ได้และพร้อมที่จะทำความผิด ทำความชั่ว ละเมิดกฎหมาย ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองและแผ่นดิน บุคคลเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะหลงอำนาจ ลุแก่อำนาจ ละเมิดอำนาจละเมิดกฎหมาย หาผลประโยชน์ใส่ตัวโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชาติและสังคม พฤติกรรมทางการเมืองที่เห็นเด่นชัดของนักการเมืองไทย คือ การเปลี่ยนตัวผู้อุปถัมภ์ และการเปลี่ยนพรรคในลักษณะจิ้งจกเปลี่ยนสี เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปก็จะปรับตัวเข้ากับสภาพการณ์ใหม่ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชาติและสังคม
กล่าวโดยสรุป ปรัชญาขงจื้อจึงเป็นแนวคิดที่มีความเห็นชัดเจนว่า สาเหตุและปัจจัยทั้งหลายที่ทำให้สังคม บ้านเมืองเกิดความปั่นปวนวุ่นวายไร้ระเบียบล้วนเกิดจากน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น และเงื่อนปมของปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องระบบความสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วยกันเอง การที่มนุษย์ขาดศีลธรรม จริยธรรมในตนเอง การที่มนุษย์ไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ความขัดแย้งนานาที่เกิดจากฐานะที่แตกต่างกัน ทั้งหมดนี้จำเป็นจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานการมอบความรักให้แก่ผู้อื่น เมื่อรักผู้อื่น เราก็ย่อมมีความจริงใจ ซื่อตรงต่อผู้อื่น การไร้สัจจะ ไร้ความสัตย์ซื่อต่อผู้อื่นก็คือไม่มีความรักให้คนอื่นเลย
ด้วยความรู้สึกชอบแนวคิดขงจื้อตั้งแต่ตอนเรียนปรัชญาจีน-ญี่ปุ่น หลักคำสอนของขงจื้อให้ความสำคัญกับพฤติกรรมและจริยธรรมของมนุษย์ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา การมอบความรักให้แก่ผู้อื่น ความซื่อสัตย์ และจากการที่ได้ศึกษาปรัชญาขงจื้อเพิ่มเติมยิ่งทำให้รู้สึกชอบมากขึ้น หากผู้คนปฏิบัติตามหลัก 5 ประการของขงจื้อ ก็จะมีชีวิตที่สงบเจริญรุ่งเรืองในการทำงานและการดำเนินชีวิต เพราะทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเอง ก็คงเหมือนกับหากผู้คนปฏิบัติตนรักษาศีลห้า สังคมจะสงบร่มเย็น ^^=
งานนี้ถือเป็นบทความชิ้นที่สอง ที่ได้เขียน แต่เป็นบทความชิ้นแรกที่นำมาเขียนใน blog ซึ่งนับเป็นความแปลกใหม่ที่รู้สึกต่อความเจริญของโลกเทคโนโลยี เรื่องราว ณ มุมหนึ่ง กับ แนวคิดขงจื้อ เป็นอย่างไร ก็ขอให้เพื่อนๆ ผู้ที่เข้ามาอ่านทุกท่าน ช่วยคอมเม้นด้วนนะคะ ขอบคุณคะ ^^=
16 ความคิดเห็น:
ในสังคมสมัยนี้ หลักการ อุดมการณ์ ความน่าเชืท่อถื เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ
เหลือแต่เพียง การคงไว้ซึ่งอำนาจ
การแบ่ง โควต้า ตำแหน่งทางการเมือง
ทั้งๆที่ เจ้ากระทรวงนั้นๆไม่ได้ มีความรู้โดยตรงกับกระทรวงที่ทำเลย
ถ้านักการเมืองหรือคนในประเทศ
ึคิดและกระทำตามแนวคิดบ้างประการของขงจื้อได้..คงดี
โลกและประเทศ..คงน่าอยู่กว่านี้
เ้หอะเหอะ
http://aunzz-2531.blogspot.com/
[บล็อกของอัญนะ]
เข้าไปอ่านดูนะ แล้วเม้น ติ ชม ด้วยนะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
แนวคิดแบบขงจื้อนั้นสุดยอด และถ้าหาดนำมาปฏิบัติจริงก็ยอดมาก
แต่ปัญหาโลกแตกก็คือตัวมนุษย์นั้นแล
มนุษย์หรือคนในสมัยโบราณนั้นไม่เหมือนคนในปัจจุบัน
ปัญหาที่สำคัญก็คือเราจะทำเช่นไรถึงจะนำปรัชญาที่เก่าแก่เหล่านี้มาใช้ในยุคนี้ได้บ้าง...นี่เป็นปัญหาโลกแตกครับ โลกแตกจริงๆ
แต่ขอเสนอแนวคิดของฮั่นเฟยจื้อนะครับ ท่านว่า กฎหสายและการปกครองนั้นต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคและการเวลา นี่ก็คงจะเป็นทางออกหนึ่งเช่นกัน
แล้วจะมาติดตามเรื่อยๆนะครับ
ป.ล. เข้ามาเมนต์ของเราด้วยละที่
http://thanaphat00.blogspot.com/
เมื่อไหร่บ้านเมืองเราเห็นความสำคัญ ของปรัชญาที่สำคัญๆ
เหล่านี้ เมื่อไหร่ เมื่อนั้นบ้านเมืองเราจะดีขึ้น
แนวคิดของขงจื้อทำให้การปกครองพัฒนายิ่งๆขึ้นไป
เนอะ
บางที เราก็น่าจะกลับมา มองย้อน เอาหลักปรัชญาพวกนี้ไปปรับใช้ ดูบ้าง
มีตั้งหลากหลาย แนวคิด ที่มีมุมมองดีดี
แต่การเมืองไทย
ไม่รู้ไปเอาแนวคิดไหนมา
กูโกย ไว้ก่อน
เฮ้อออออ..ออ
ถึงไม่ชอบเรื่องการเมือง
กิ๊ฟท์...
เนื้อหาที่กิ๊ฟท์นำเสนอ วิธีการนำเสนอ ลีลาการเล่าเรื่อง...กิ๊ฟท์เป็นเด็กเก่งนะ
แต่...มันออกจะไม่ตรงกับกรอบที่ให้ไปนะ ก็..เอาเหอะยังดีที่มีมาให้อ่าน
เอาเป็นว่าคราวหน้าก็ให้มันใกล้เคียงกับกรอบที่ให้ก็แล้วกันนะ...พยายามต่อไป คิดไว้เสมอว่า เราเป็นคนเก่ง...แล้ววันหนึ่งความคิดของกิ๊ฟท์จะสามารถ "นำสังคม" ได้.
...บุญรักษา..
อาจารย์แรก
การปกครองคือการซื่อตรง หากท่านซื่อตรง แล้วใครจะกล้าไม่ซื่อ
ขอบอกว่าประโยคนี้เป้นประโยคที่ชอบมาก
เค้าเชื่อว่าถ้าสังคม ซื่อตรง เกินครึ่งประเทศ หรือรัฐบาลซื่อตรงได้กึ่งหนึ่ง
เชื่อว่าสังคมของเรา คงไม่ได้เป็นอย่างปัจจุบันนี้แน่
ไม่มีอะไรที่ตายตัว
ชอบประโยคน้จังอ่ะ
“การปกครองคือการซื่อตรง หากท่านซื่อตรง แล้วใครจะกล้าไม่ซื่อ”
ปรัชญาการเมืองของท่านขงจื๊อมีกลิ่นอายของความเป็นจริยศาสตร์อยู่มากเหมือนกัน
โอ้วววววววววววววววววว
พระเจ้าจอร์จ มันยอดเจงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เป็นบทความที่ให้ความรู้
และเข้าใจง่ายดีค่ะ
55ตรงดีนะค่ะ
อ่านแล้ว งง ๆ ดี 55 แต่มันก็จริงอย่างที่กิ๊บเขียนแระ
อ่านแล้ว เห็นด้วยเกือบทุกๆประเด็นเลยนะครับ
แล้วก็ชอบมาเป็นพิเศษในเรื่องการศึกษา อย่าที่กิฟเขียนว่า"การศึกษา ควรมุ่งเน้นให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็น เป็นตัวของตัวเอง กล้าถาม กล้าอภิปรายพัฒนาความฉลาดทั้งทางปัญญา อารมณ์ จิตสำนึกที่ดีมีคุณธรรม และสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวันได้"
ผมเคยลองนึกดูว่าตอน ม.ปลายเรียนไรกันมามั่ง ม.ต้นละ เคยได้ใช้ในชีวิตตอนนี้บ้างหรือไม่
ป.ล.แล้วที่เรียนตอนนี้ละมันจะได้เอาไปใช้บ้างหรือไม่
ทำมัยขงจื้อถึงไม่ไว้ใจคนพูดจาไพเราะ..
สงสัยต้องพูดคำด่าคำล่ะ..
ขงจื้อเปนนักเขียน นักพูด และนักการเมือง..
และประโยคสุดท้ายของขงจื้อก้อคือ..
" สวรรค์ก็ไม่พูดอะไรเลย แต่ละปีก็ยังคงมี 4 ฤดู ไม่ใช่หรือ "
จากนั้นก้อไม่พูดอารายเจ็ดวันเจ็ดคืนก้อตาย..
แสดงว่าติสเกิน ตายแบบปรัญญา..
สุดยอดดดด..
(",)++
แสดงความคิดเห็น