วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สังคมที่ปรารถนา

“สังคมที่ปรารถนา”

อันดับแรกต้องขอบอกก่อนว่า “สังคมที่ปรารถนา” นี้เป็นแนวความคิดหนึ่งของผู้เขียนเองประกอบกับการศึกษาตำราที่เกี่ยวกับการเมือง หากมีข้อความใดที่ไม่เหมาะสมผู้เขียนต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย และขอเชิญทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “สังคมที่ปรารถนา” นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากคะ

เมื่อพูดถึงสังคมที่พึงปรารถนา ใครๆก็คงอยากได้สังคมที่ตนเองปรารถนา ต้องการสังคมแบบที่ตนเองอยู่แล้วรู้สึกมีความสุข สบายใจ ซึ่งในตอนนี้มีปัญหาค่อนข้างใหญ่ว่าเป็นที่พึงปรารถนาของใคร ประชาชน กลไกรัฐ รัฐบาล สื่อมวลชน นักคิด ฯลฯ

ณ ขณะนี้ที่มองสังคมไทย แลดูสังคมจะให้ความสำคัญกับเรื่องทุนนิยมมาก ชุมชนแบบเกษตรกรที่เคยพึ่งพาตนเองได้ ต้องพึ่งระบบตลาดและเงินกู้ของนายทุนจากในเมืองและจากต่างชาติ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำต่ำสูงระหว่างคนรวยและคนจนทั้งในชนบทและเมืองเพิ่มขึ้น (เรื่องนี้สังเกตได้จากการที่ร้านขายของชำต้องปิดกิจการลงเพราะสู้ระบบทุนหนาไม่ไหว จากการเป็นนายตัวเองก็มาเป็นหนี้มาเป็นลูกจ้าง) คนที่จนต้องพึ่งพาระบบอุปถัมภ์ การซื้อขายเสียงเพิ่มขึ้น เกิดการเสียเปรียบทั้งในทางเศรษฐกิจและการเมือง
ชนชั้นปกครองชอบทำให้ประชาชนไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่าประชาธิปไตยหมายถึงการไปลงคะแนนเลือกผู้แทนให้ทำหน้าที่แทนประชาชน เมื่อเลือกเสร็จแล้วประชาชนก็หมดภาระหน้าที่ ไม่ต้องทำอะไรอีก ทั้งๆที่ความจริง ระบบผู้แทนเป็นส่วนหนึ่งไม่ใช่ทั้งหมดของระบอบประชาธิปไตย

ทั้งระบบการศึกษาและสื่อสารมวลชนของไทย ระบบการศึกษาสอนแบบท่องจำ ไม่ได้สอนให้คนคิดวิเคราะห์หรือสังเคราะห์เป็น การศึกษาและสื่อสารมวลชนไม่ได้ให้การศึกษาและข่าวสารแก่ประชาชนในเรื่อง สิทธิพลเมือง ว่าประชาชนเป็นเจ้าของป่าไม้ แม่น้ำลำคลอง ที่สาธารณะ หรือสาธารณสมบัติต่างๆ ทั้งรัฐวิสาหกิจและคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ ฯลฯ ประชาชนเป็นผู้จ่ายภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม (ผ่านภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีการค้าต่างๆ)

ประชาธิปไตย หมายถึง ประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ ท่านพุทธทาสได้กล่าวไว้ว่า ประโยชน์ในที่นี้ไม่ใช่แปลว่าประชาชนเป็นใหญ่เพราะถ้าประชาชนยังเห็นแก่ตัวหรือมีความคิดความเชื่อแบบผิดๆ เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่มีคุณภาพต่ำก็จะทำให้เกิดโทษสำหรับส่วนรวมได้ ประเด็นที่น่าคิด การร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยนักวิชาการของชนชั้นสูงและชนชั้นกลางมักจะคิดในแง่ของนักกฎหมาย นักรัฐศาสตร์ ที่เรียนมาจากประเทศพัฒนาอุตสาหกรรมตะวันตกมากเกินไป (เพราะคิดว่าตัวเองมีการศึกษาสูง มีจิตใจที่ไม่เปิดกว้างรับฟังประชาชนกลุ่มต่างๆ อย่างแท้จริง รวมทั้งยึดติดผลประโยชน์ และความต้องการส่วนตัวของชนชั้นกลางด้วย)

ประเทศแบบเสรีประชาธิปไตยทุนนิยมเช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น มีการเลือกตั้งที่พรรคใหญ่บางพรรคชนะมาตลอดหลายสิบปีเหมือนกับผูกขาด แต่ภายในพรรคการเมืองมีการคัดเลือกสมาชิกพรรคแบบแข่งขันตามความรู้ความสามารถและประชาชนที่มีความรู้ก็จับตามองอยู่ทำให้เขาสามารถฝึกฝนคัดเลือกผู้นำระดับต่างๆ มาทำงานเพื่อประเทศชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพและซื่อตรงมากกว่าของไทย

ประชาชนไทยควรเป็นเครื่องมือเพื่อนำไปสู่การคัดเลือกรัฐบาลและผู้ตรวจสอบรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นประชาชนไทยจึงต้องคิดแบบการปฏิรูปเรื่องการเลือกผู้แทนให้ดีกว่านี้ ต้องปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปสื่อมวลชน ทำให้เกิดกระบวนการให้การศึกษาข้อมูลข่าวสารทางการเมืองแก่ประชาชนอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง และควรให้การศึกษาเรื่อง สิทธิพลเมือง อย่างกว้างขวางต้องปฏิรูปเศรษฐกิจการเมือง กระจายทรัพยากรและอำนาจการบริหารท้องถิ่นให้ชุมชน ส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทมากขึ้น (เช่น การปกครองแบบท้องถิ่น ให้ประชาชนทั้งชุมชนมีสิทธิมาเข้าร่วมประชุมพัฒนาท้องถิ่นตนเอง) การพึ่งพาตนเองในระดับชุมชน พัฒนาระบบสหกรณ์ผู้ผลิตผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง เพื่อเข้าไปทดแทนหรือลดสัดส่วนของทุนข้ามชาติและธุรกิจเอกชนแบบผูกขาดที่ให้ผลกำไรเฉพาะคนกลุ่มน้อย ทั้งนี้ยังเป็นการส่งเสริมเรื่องการสำนึกรักบ้านเกิด หากส่งเสริมเรื่องการมีส่วนร่วมในท้องถิ่นจะช่วยปลูกฝังวัฒนธรรมการรักบ้านเกิดได้ เวลาที่เด็กในชุมชนไปศึกษาหาความรู้ก็อยากจะนำความรู้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดมากกว่าการไปทำงานเพื่อประโยชน์ในด้านการเงินเพียงอย่างเดียว

ในเรื่องของการเลี้ยงดูเด็ก เปลี่ยนจากการใช้คำสั่ง ส่งเสริมให้มีความรับผิดชอบด้วยตัวเองอย่างเข้าใจเหตุผล ฝึกให้เด็กมีวินัยในตัวเอง รู้ว่าวินัยเป็นประโยชน์ต่อตนเองและคนอื่นทุกคนในสังคมร่วมกัน

ในเรื่องของการศึกษา ควรมุ่งเน้นให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็น เป็นตัวของตัวเอง กล้าถาม กล้าอภิปรายพัฒนาความฉลาดทั้งทางปัญญา อารมณ์ จิตสำนึกที่ดีมีคุณธรรม และสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวันได้

สื่อมวลชน ควรเสนอความเป็นจริงของสังคมให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลที่แท้จริง ยกระดับความคิดความอ่าน รสนิยม ค่านิยมของประชาชนมากขึ้น สื่อมวลชนก็มีส่วนช่วยในการปลูกฝังวัฒนธรรมให้กับเด็ก เช่นเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม สื่อออกมาในรูปแบบของการ์ตูน เยาวชนวัยรุ่นในเรื่องของโฆษณาละครก็ควรปลูกฝังค่านิยมทางจริยธรรม สร้างทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนมนุษย์ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่นึกถึงแต่เรื่องทุนนิยมมากเกินไป แข่งขันสูง เห็นแก่ได้มากเกินไป การให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน การปลูกฝังวัฒนธรรม การเลี้ยงดู การศึกษาถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

เรื่องเสรีภาพที่ทุกคนพึงมี แต่ก็ต้องไม่ไปลิดรอนเสรีภาพของบุคคลอื่นในสังคม (เช่นเรามีเสรีภาพที่จะสูบบุหรี่ได้ แต่การสูบบุหรี่ของเราต้องไม่ไปรบกวนเสรีภาพของคนอื่น การมาอยู่รวมกันในสังคมมีกฎระเบียบที่ทุกคนต้องปฏิบัติเพื่อความสงบสุข)

การพัฒนาประชาชนให้มีความคิด ทัศนคติ ค่านิยมที่เป็นพลเมืองดีจะช่วยให้เราแต่ละคนตอบสนองความต้องการทางจิตใจและความต้องการทางสังคมของเราแต่ละคนได้ดีและมีชีวิตที่มีความสุข รวมทั้งยังช่วยเอื้อต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในชุมชน และช่วยให้ชุมชนเจริญงอกงามด้วย

อ้างอิง: คุณวิทยากร เชียงกูล. ปฏิวัติประชาธิปไตย เพื่อแก้ไขวิกฤตการของชาติ


(ปล.ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่ข้างล่างบทความนี้ตรงคำว่าความคิดเห็นคลิกเข้าไปได้เลยนะคะ)


11 ความคิดเห็น:

Dr.Rak กล่าวว่า...

กิ๊ฟท์

กิ๊ฟท์ เริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่ดี เป้าหมายในการเล่าเรื่องเริ่มชัดเจนขึ้น แต่สิ่งที่ต้องปรับอีกนิดคือการไล่เลียงลำดับเรื่องราวดูจะยังไม่ค่อยเป็นเนื้อเดียวกันนัก และยกความคิดเห็นดูจะกระจายตัวทำให้การแสดงความเห็นโดยทั่วไป "หมัดยังไม่หนัก" เท่าที่ควร
โดยภาพรวมแล้ว กิ๊ฟท์ กับงานเขียนในเชิงนี้ และงานที่กำลังจะตามมา เชื่อว่า "อนาคตดี" แน่นอน
...เป็นแรงใจ...
อาจารย์แรก

เปาเปา กล่าวว่า...

รู้สึกติดใจกับคอมเม้นท์ อาจารย์จัง
""และงานเขียนที่กำลังจะตามมา""
><
รู้สึก ไม่อยากให้มีตามมา ยังไงชอบกล

ตัวหนังสือ ตัวใหญ่มาก
ใหญ่ประชดใครป่าวเนี่ย
นึกว่าลายมือ พี่เบิ้ม

Unknown กล่าวว่า...

เค้าชอบชุมชนแบบเกษตรกรที่เคยพึ่งพาตนเองได้
โดยไม่ต้องง้อนายทุน
เบื่อพวกที่แบบว่ามีเงินเรียกน้องมีทองเรียกพี่
เมื่อไหร่น๊าาา มันจะเป็นจริง



ตัวหนังสือใหญ่ดีชอบๆๆอ่านง่าย

m@buchy กล่าวว่า...

ตัวหนังสือ ใหญ่ดี ไม่ต้องเอาหัวมุดคอม ๕๕๕


แน่นอนอ่ะ กลับไปพัฒนาบ้านเกิด


โคตรเห็นด้วย ตรงที่พัฒนาสื่อมวลอ่ะ


ชอบบิดเบือนข่าว


แม้แต่คนในชนชั้นผู้ปกครองเองยังให้ความเท็จ


แล้วอย่างงี้ ประเทศเราจะเจริญได้อย่างไร ชิมิ

kanyarat กล่าวว่า...

เห็นด้วยมากตรงที่การเรียนการสอนของไทย

มันเปงแบบนี้จริงๆๆ..เหมือนเรียนแบบท่องจำมากว่า

ที่จำใช้ความคิด..เฮ้ย

ต้องปรับปรุงอย่างมากในเรื่องการศึกษา

พลอย เพื่อนกิ๊ฟท์55 กล่าวว่า...

เห็นด้วยทุกเรื่อง

ที่บอกมามันจริงหมด

เบื่อจริงพวกเห็นแก่ตัวอ่ะ

คุณธรรม-จริยธรรมมันหายไปไหนหมด

เฮ้อ

guide กล่าวว่า...

ทุกๆคนก็ย่อมมีแนวความคิดแตกต่างกันไป
เหมือนกันกับคนเราในสังคมในปัจจุบัน
แต่ล่ะคนก็ย่อมมีสังคมที่ปราถนาของแต่ล่ะคน
ยังไงทุกๆคนก็ย่อมอยากอยู่ในสังคมที่สมบูรณ์
เพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันทุกคน
แต่จะทำอย่างไร เพื่อที่จะได้มาซึ่งสังคมที่ปรารถนา?

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ช่ายยยย

อ่านเเล้วรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของสังคมปัจจุบันกับสังคมในจินตการ

แล้วจินตนาการเนี่ย..จะเป็นจริงได้มั้ย???

5555

เขียนอีกนะเรารออ่านอยู่

สู้เค้าล่ะ

แก่แล้วอย่าหักโหม

ดูเเลสุขภาพปากและฟันด้วยนะเราทำวิจัยอยู่ieieie

m กล่าวว่า...

55+
อนาคตว่าที่ อบต.แน่ๆ
กลับไปพัฒนาบ้านเกิด
เอาแบบว่าไม่ต้องมีนายทุนหน้าไหนมาข้องเกี่ยวเลยนะ
ชุมชนจะได้เจริญ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เห่อ ๆ เป็นจริงทุกเรื่องเลย ถ้าแก้ไขคงใช้เวลานานเหมือนกัน แก้สะทุกเรื่องเลย

Sheva_07 กล่าวว่า...

คนเราเกิดมาต้องมีสังคม..

แต่บางครั้งก้อเลือกไม่ได้..

หากเกิดมาในสังคมใดก้อต้องทำใจยอมรับ..

นี่แหละโลกของเรา..

(เม้นต์มั่วไปหน่อย มองผ่านๆ เอาน่ะ)